ปัญหาสิวที่พบบ่อย พร้อมสาเหตุสิวแต่ละประเภท

ความรู้

บทความ

หมวดหมู่

อัพเดทเมื่อ November 16, 2025

บริการที่คุณอาจสนใจ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายบริการลูกค้า

สำหรับคนทั่วไป สิวอาจดูเป็นเพียงเม็ดเล็กบนใบหน้า แต่ในห้องตรวจของ Oblige Young คลินิกความงาม เราเห็นชัดทุกวันว่าสิวคือปัญหาที่กระทบทั้งผิวและความรู้สึกของคนไข้จริงๆ หลายคนลองเปลี่ยนสกินแคร์ ลองยาแต้มสิวมาหลายรอบ แต่สิวยังกลับมาเป็นซ้ำจนเริ่มไม่มั่นใจในตัวเอง สาเหตุจริงไม่ใช่แค่ผิวมันหรือดูแลผิวไม่ดีพอ แต่เพราะยังไม่เข้าใจธรรมชาติของสิวทั้งหมด บทความนี้จึงอยากชวนคุณมาทำความเข้าใจสิวแบบภาพรวม ทั้งสาเหตุ กลไกการเกิด ชนิดสิว ปัญหาที่เจอบ่อย และแนวทางรักษาที่ถูกต้องในมุมมองของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณในคลินิกความงามไทย เมื่อเข้าใจระบบของสิวอย่างถูกต้องการรักษาจะชัดเจนขึ้นและโอกาสหายยาวก็สูงขึ้นตามไปด้วย

สิวคืออะไร?

สิว(Acne) คือโรคเรื้อรังของรูขุมขนและต่อมไขมัน ไม่ใช่แค่ตุ่มหนึ่งเม็ดที่อยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมา สิวเกิดจากการทำงานร่วมกันของหลายปัจจัยในผิว ได้แก่ การสร้างน้ำมันจากต่อมไขมันที่มากขึ้น การที่เซลล์ผิวบริเวณรูขุมขนหนาตัวและผลัดตัวผิดปกติจนเกิดการอุดตัน การเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูขุมขน และการอักเสบของผิวหนังเอง เมื่อปัจจัยเหล่านี้มารวมกัน รูขุมขนที่ควรเปิดก็กลายเป็นจุดอุดตัน เกิดเป็นสิวอุดตัน และหากมีการอักเสบเพิ่มเข้ามาก็จะกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด 

ดังนั้นสิวจึงไม่ใช่ปัญหาผิวที่เกิดจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์จากระบบที่ผิดสมดุลหลายจุดในเวลาเดียวกัน หากการรักษาจัดการเพียงปลายเหตุเช่นแต้มเฉพาะสิวที่โผล่ขึ้นแล้วโดยไม่แตะต้นเหตุอย่างการอุดตันและการอักเสบสิวมักจะสงบชั่วคราวและกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย

ความเข้าใจผิดในเรื่องสิว

ในประสบการณ์ของทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณที่ Oblige Young ปัญหาที่ทำให้สิวไม่หายยาวๆ ไม่ได้อยู่แค่ตัวสิว แต่อยู่ที่ความเข้าใจผิดที่ฝังอยู่ในวิธีคิดของคนไข้จำนวนมาก ความเข้าใจผิดแรกคือสิวเกิดจากการไม่สะอาด หลายคนเชื่อว่าถ้าล้างหน้าแรงๆ ล้างบ่อยๆ หรือสครับหน้าเป็นประจำ สิวจะหายเร็วขึ้น ทั้งที่จริงแล้วการทำความสะอาดแบบรุนแรงเกินไปจะทำลายเกราะผิว ทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบง่ายขึ้น จนสิวอักเสบหนักกว่าเดิม สิวส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความสกปรก แต่เกิดจากระบบรูขุมขนที่อุดตันและตอบสนองต่อฮอร์โมนและพันธุกรรมมากเกินไป

อีกความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือมองว่าสิวคือโรคติดเชื้อ จึงพึ่งแต่ยาฆ่าเชื้อหรือยาแต้มสิวที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด เมื่อสิวยุบก็คิดว่าปัญหาจบ ทั้งที่จริงแล้วการรักษาแบบนี้เป็นเพียงการจัดการกับสิวที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ กลับกันหากใช้ยาปฏิชีวนะผิดวิธีหรือใช้ต่อเนื่องโดยไม่วางแผน ยังเสี่ยงทำให้เชื้อดื้อยาในระยะยาวอีกด้วย

บางคนเชื่อว่าสิวทุกแบบควรใช้ยาแรงหรือเลเซอร์ตั้งแต่แรก ทั้งที่ในทางการแพทย์ สิวระดับเล็กน้อยถึงปานกลางหลายเคสสามารถควบคุมได้ดีด้วยการปรับสกินแคร์ ยาทารักษาสิว และการดูแลผิวประจำวันอย่างเป็นระบบ การเลือกวิธีรักษาที่แรงเกินไปโดยไม่ประเมินสภาพผิวและระดับสิวให้ชัดอาจสร้างผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็นทั้งผิวแห้งแดงลอกหรือรอยสิวที่เด่นชัดขึ้น

ชนิดของสิวแต่ละประเภท

การรู้ว่าสิวบนหน้าตัวเองเป็นแบบไหนสำคัญมาก เพราะสิวแต่ละแบบตอบสนองต่อการรักษาต่างกัน หากมองว่าสิวทุกแบบเหมือนกันแล้วใช้วิธีเดียวจัดการทั้งหมด มักทำให้ผลการรักษาไม่นิ่งและสิวเป็นซ้ำอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น นี่คือชนิดของสิวแต่ละประเภทที่พบได้บ่อย ดังนี้

1. สิวไม่อักเสบ

สิวไม่อักเสบ เช่น สิวหัวดำและสิวหัวขาว เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนโดยยังไม่มีการอักเสบรุนแรง สิวหัวดำเกิดเมื่อรูขุมขนยังเปิดอยู่ ส่วนผสมของไขมันและเซลล์ผิวที่สัมผัสอากาศด้านบนจะเปลี่ยนสีเป็นดำ ส่วนสิวหัวขาวคือสิวอุดตันที่รูปิด ทำให้เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ใต้ผิว ทั้งสองแบบนี้คือจุดเริ่มต้นของสิวจำนวนมาก และเป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องควบคุมให้ได้หากอยากให้สิวหายยาว

2. สิวอักเสบ

สิวอักเสบ เช่น ตุ่มแดง ตุ่มหนอง สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์ เกิดเมื่อสิวอุดตันขยายตัวมากขึ้น ผนังรูขุมขนแตกและมีการอักเสบเกิดขึ้นรอบๆ สิวอักเสบมักเจ็บ แดง และมีโอกาสทิ้งรอยหรือหลุมสิวได้สูง โดยเฉพาะสิวลึกหรือสิวซีสต์ ที่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาอย่างถูกวิธี มักทิ้งปัญหารอยสิวและหลุมสิวระยะยาว

3. สิวฮอร์โมน

สิวฮอร์โมน ที่มักขึ้นบริเวณคาง กราม รอบปาก ออกอาการหนักช่วงมีประจำเดือน หรือสิวที่หน้าตาเหมือนผดเล็กๆ จากยีสต์หรือปัจจัยอื่น ซึ่งหลายครั้งไม่ใช่สิวจริงแต่เป็นโรคผิวหนังที่คล้ายสิว ถ้าจำแนกผิดแล้วใช้ยาสิวทั่วไปมักไม่ดีขึ้นหรือยิ่งแย่ลง การวินิจฉัยให้ถูกตั้งแต่ต้นจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของทุกแผนการรักษาสิว

5 ปัญหาสิวที่พบบ่อย

1. สิวอุดตัน

ภาพที่พบเสมอในคลินิกคือคนไข้ที่มีสิวหัวขาวหัวดำกระจายทั่วหน้า ใช้ยาแต้มสิวเมื่อมีสิวอักเสบ พอสิวยุบก็หยุดยา แล้วรอให้สิวใหม่ขึ้นมาอีก วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ปัญหาคือการรักษาแบบนี้จัดการแค่สิวที่โผล่ให้เห็น แต่ไม่ได้ลดการอุดตันในรูขุมขนที่เป็นต้นเหตุของสิวชุดต่อไป ผิวแบบนี้ต้องเน้นยาที่ช่วยลดการอุดตันทาเป็นบริเวณ ไม่ใช่แต้มเฉพาะเม็ด ร่วมกับสกินแคร์ที่ไม่อุดตันและการล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ถ้าไม่จัดการสิวอุดตันสิวอักเสบก็จะไม่มีวันหมดไปจริงๆ

2. สิวอักเสบเห่อเป็นช่วง

อีกกลุ่มหนึ่งคือสิวที่ไม่ขึ้นตลอดปี แต่จะเห่อหนักช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือในช่วงที่นอนดึก เครียด กินไม่เป็นเวลา สิวลักษณะนี้มักสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศและการตอบสนองของต่อมไขมันต่อฮอร์โมนที่สูงกว่าปกติ การแต้มยาตอนสิวออกอาการเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ ต้องมีแผนควบคุมสิวเชิงป้องกัน ทั้งเรื่องยาทา การจัดการความมัน การพักผ่อน และการลดปัจจัยกระตุ้น เช่น อาหารหวานจัดหรือไขมันสูง หากสิวมีรูปแบบชัดเจนและรุนแรงควรให้แพทย์ช่วยประเมินเรื่องฮอร์โมนร่วมด้วย

3. สิวจากการเสียดสี

หลังช่วงที่ทุกคนใส่หน้ากากต่อเนื่อง สิวที่ขอบหน้ากาก แก้ม ขากรรไกร กลายเป็นเคสที่เจอบ่อยมาก รวมถึงสิวบริเวณที่หมวกกันน็อกหรือสายเสื้อในเสียดสีกับผิวทุกวัน สิวแบบนี้เกิดจากการเสียดสี ความร้อน เหงื่อ และการอุดตันของรูขุมขนจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่แค่เรื่องสกินแคร์อย่างเดียว แนวทางรักษาต้องทำทั้งสองทางพร้อมกัน คือปรับอุปกรณ์หรือเสื้อผ้าให้เสียดสีน้อยลง ระบายอากาศได้ดีขึ้น และใช้ยาทากับสกินแคร์ที่เหมาะสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย ถ้าแก้เฉพาะเรื่องยาแต่ไม่แตะต้นตอเรื่องการเสียดสีสิวมักจะวนอยู่ที่เดิม

4. สิวจากสกินแคร์

มีคนไข้จำนวนไม่น้อยที่สิวแย่ลงหลังเริ่มใช้สกินแคร์ตัวดังหรือครีมราคาแพง เพราะส่วนผสมบางชนิดอาจอุดตันรูขุมขนหรือระคายเคืองในผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับเมกอัพที่เนื้อหนาและล้างออกไม่หมด เมื่อมาพบแพทย์และย้อนดูประวัติอย่างละเอียด มักพบว่าช่วงที่สิวเริ่มหนักคือช่วงที่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์บางตัวเข้าไปในรูทีน การเลือกสกินแคร์ของคนเป็นสิวต้องดูทั้งส่วนผสมเนื้อสัมผัสวิธีการใช้และขั้นตอนการล้างออกไม่ใช่ดูแค่คำอธิบายบนฉลากเพียงบรรทัดเดียว

5. สิวเรื้อรัง

หลายคนไม่ได้กังวลแค่สิวเม็ดปัจจุบัน แต่กลัวสิวเม็ดนั้นจะทิ้งรอยหรือหลุมสิวในระยะยาว ยิ่งปล่อยให้สิวอักเสบอยู่นานหรือแกะ บีบ กดเอง โอกาสเกิดรอยแดง รอยดำ และหลุมสิวยิ่งสูงตามไปด้วย ที่ Oblige Young เรามักเห็นคนไข้ที่เริ่มรักษาเมื่อไม่ใช่แค่สิวแล้ว แต่เป็นรอยและหลุมสิวที่ต้องใช้เวลาและเทคนิคมากขึ้นในการฟื้นฟูผิวกลับมา การจัดการสิวให้เร็วและถูกวิธีตั้งแต่ระยะต้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามระยะสั้นแต่คือการป้องกันปัญหาผิวที่ยากและแพงกว่ามากในระยะยาว

วิธีการรักษาสิวที่ถูกต้อง

การรักษาสิวที่ได้ผลจริงไม่ใช่การหายาแต้มสิวตัวเดียวแล้วหวังให้ทุกอย่างจบ แต่คือการวางแผนรักษาอย่างเป็นระบบตามระดับความรุนแรงของสิวและปัจจัยของแต่ละคน หลักสำคัญคือวินิจฉัยให้ถูก ครอบคลุมต้นเหตุ และค่อยๆ ปรับการดูแลผิวให้สอดคล้องกับแผนรักษา

ขั้นแรกต้องยืนยันให้ได้ก่อนว่าตุ่มบนหน้าเป็นสิวจริง ไม่ใช่โรคอื่นที่หน้าตาคล้ายสิว เช่น ผื่นจากยีสต์หรือผื่นผิวหนังอักเสบชนิดอื่น เพราะถ้าจำแนกผิดตั้งแต่ต้น ต่อให้ใช้ยาสิวที่ถูกวิธีเพียงใด ผิวก็ไม่ดีขึ้น จากนั้นจึงประเมินระดับความรุนแรง ว่ามีสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวลึกมากน้อยแค่ไหน กระจายบริเวณใดบ้าง

1. วิธีรักษาสิวเบื้องต้นด้วยตนเอง

ในคนที่เป็นสิวระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง การรักษามักเริ่มจากยาทาลดการอุดตันและยาลดการอักเสบ ร่วมกับการปรับสกินแคร์ประจำวันให้เหมาะกับผิวเป็นสิว เช่น ใช้คลีนเซอร์อ่อนโยนที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงเกินไป เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่อุดตัน และทากันแดดทุกวัน ส่วนสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงอาจต้องใช้ยารับประทานร่วมด้วย เช่น ยาปฏิชีวนะหรือยากลุ่มกรดวิตามินเอ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อกำหนดขนาดยา ระยะเวลาการใช้ และการติดตามผลเลือดอย่างปลอดภัย

2. หัตถการรักษาสิว

ในหลายเคส การทำหัตถการร่วมกับยารักษาจะช่วยให้สิวดีขึ้นเร็วขึ้น เช่น การกดสิวที่ทำอย่างถูกวิธี การฉีดสิวอักเสบขนาดใหญ่เพื่อลดการบวมและโอกาสทิ้งรอย การใช้เลเซอร์หรือแสงบางชนิดเพื่อช่วยลดการอักเสบและควบคุมน้ำมันส่วนเกิน สิ่งสำคัญคือทุกหัตถการต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ใช้เครื่องมือสะอาดและมาตรฐาน เพื่อไม่ให้สิวกลายเป็นรอยแผลหรือหลุมสิวโดยไม่จำเป็น

3. การใข้ยารักษาสิว

การใช้ยาและการดูแลผิวในชีวิตประจำวันมีผลต่อผลลัพธ์อย่างชัดเจน คนเป็นสิวควรล้างหน้าวันละหนึ่งถึงสองครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการถูแรงหรือการใช้สครับเม็ดหยาบในช่วงที่มีสิวอักเสบ ลดการจับหน้าและการแกะสิว เลือกเมกอัพที่ไม่อุดตันรูขุมขน และให้ความสำคัญกับการพักผ่อน อาหาร และการจัดการความเครียด เพราะทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนต่อการอักเสบของผิว

สรุปความคิดเห็นจาก Oblige Young

ในมุมมองของทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณที่ Oblige Young สิวไม่ใช่ปัญหาที่แก้ด้วยครีมหรือยาขนานเดียวแล้วจะจบ แต่เป็นปัญหาที่ต้องมองแบบองค์รวม ตั้งแต่การวินิจฉัยที่ถูกต้อง การประเมินสาเหตุภายในและภายนอก การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องแก้ก่อน และการออกแบบแผนรักษาที่คนไข้ทำตามได้จริงในชีวิตประจำวัน

เรามองว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การทำให้สิวหายคือการป้องกันไม่ให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ และลดโอกาสการเกิดรอยสิวกับหลุมสิวในอนาคต การเริ่มต้นรักษากับทีมที่เข้าใจทั้งด้านการแพทย์และความรู้สึกของคนไข้ จะช่วยให้การเดินทางจากสภาพผิวที่เต็มไปด้วยสิว ไปสู่ผิวที่สงบและมั่นใจมากขึ้น เป็นเรื่องที่จับต้องได้จริง ไม่ใช่แค่คำโฆษณา

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงเริ่มเป็นสิวใหม่ๆ เบื่อกับสิวที่เป็นๆ หายๆ มานาน หรือกำลังกังวลกับรอยและหลุมสิว สิ่งแรกที่ควรทำคือหยุดลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินภาพรวมของผิวและไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างจริงจัง จากนั้นจึงค่อยวางแผนรักษาไปด้วยกันอย่างเป็นขั้นตอน เมื่อมองสิวให้ครบทุกมิติ สิวก็ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต และคุณมีสิทธิ์กลับมามั่นใจในผิวของตัวเองได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องโดย

adminoblivyoung

ประวัติการศึกษา

เฉพาะทางด้าน